Fic ก้อย+ดาว one shot EP1 SS3 part ก้อย (มโนล้วนๆ)
ผู้เข้าชมรวม
1,978
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
หลังจากที่ดาวง้อ...เอ๊ะ! หรือว่าก้อยง้อ....จนคืนดีกันแล้ว
มาดู Part ย้อนหลังกันว่า...ก้อยมาได้ยังไง?
เชิญติดตามค่ะ
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ว่าด้วย EP>1 SS3 (มโนล้วนๆ) part ก้อย...
“จากวันนั้น ฉันไม่รู้ว่านานเท่าไร ที่เราได้จากกัน
เหตุผลใดๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่
วันนี้ได้มองตา ตาดวงเดิมคู่นั้นอบอุ่นเหลือเกิน
เธอกับฉัน ความทรงจำมากมาย”
ท่อนแรกเพลง “ขอ” ของ lomosonic ดังขึ้นมาจากวิทยุตัวโปรดของฉัน....
จำได้ว่าเพลงนี้วง see scape cover ในงานปัจฉิมคืนนั้นนี่นา.....เพราะดีนะ...จนฉันเผลอโบกมือ โยกตัวตามไปด้วยเลย
จะว่าไป....งานคืนนั้นก็ใช่ว่าจะไม่สนุกนะ แต่ฉันรู้สึกว่า...มันเหมือนขาด ๆ อะไรไปไม่รู้
ฉันนั่งพิงกับหัวเตียงโดยมีโน้ตบุ๊คสุดที่รักวางอยู่บนตัก นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ไม่ได้เข้า facebook เลย ไม่รับรู้การเคลื่อนไหวของใคร และไม่อยากให้ใครรับรู้ความเคลื่อนไหวใด ๆ ด้วย
ฉันเลื่อนเมาส์ดูฟีดข่าวของคนนั้นคนนี้ ทุกคนต่างมีความสุขกับวันปิดเทอมกันใหญ่ หลายคนไปเที่ยวนั่นเที่ยวนี่ อัพรูปกันไม่หวาดไม่ไหว จะว่าไปหนึ่งอาทิตย์ก็ผ่านไปเร็วเหมือนกันแฮะ รู้สึกว่ายังไม่ได้ปิดเทอมด้วยซ้ำ อาจจะด้วยความรู้สึกที่มันยังคงค้างคา และวนเวียนอยู่ในช่วงเปิดเทอมที่แล้วรึเปล่า
ฉันยังคงนั่งอมยิ้มดูรูปเพื่อนแต่ละคนที่ขยันอัพสเตตัสกันจัง บางคนก็พัฒนาจากเพื่อนร่วมห้องมาเป็นแฟนกันก็มี ระยะเวลาสั้นๆ ก็ทำให้ความรักเกิดขึ้นได้เหมือนกันนะ
จึก!!
รู้สึกจี๊ดๆ ที่ใจบอกไม่ถูก ฉันเองก็ไม่ต่างอะไรกับคนอกหักนักหรอก
“ก็ก้อยมาชอบฉันเอง ให้ทำไงวะ”
ฉันสะบัดหัวไล่ความคิดออกไป ประโยคนี้ยังตามหลอกหลอนฉันไม่ยอมไปไหน เพราะแกคนเดียวเลยดาว ที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ แค่มองรูปเรา มองภาพที่ฉันเคยเขียนให้แกบอกว่าแกเป็นแฟน ฉันก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ บางทีการที่คนเราเลิกกัน อาจจะไม่ใช่เพราะว่า “เราไม่รักกันแล้ว” แต่มันอาจจะเป็นเพราะ “เรารักตัวเองมากกว่า” ต่างหาก
ฉันไม่รู้นะว่าถ้าเป็นคนอื่นมาเจอเหตุการณ์แบบฉัน แล้วเขาจะเป็นแบบฉันไหม ฉันเลือกที่จะถอยห่างออกมา เพื่อให้แกกับฉันทบทวนและตัดสินใจ ฉันไม่ได้บอกให้แกเลือกฉันมากกว่าแม่ของแก เพียงแต่ให้แกลองไปคิดดูดีๆ ว่าที่ผ่านมาระหว่างฉันกับแก...มันเป็นความรัก หรือแค่ความใกล้ชิด ถ้ามันเป็นอย่างหลัง เราก็ลองห่างกันดู เราจะได้รู้ว่าเรารู้สึกยังไงกันแน่
ตึ่ง ตึง เสียงไลน์กระเด้งขึ้นมาในโทรศัพท์ ทำให้ฉันหลุดออกจากโลกส่วนตัว
“WhatApp” : ก้อย ทำอะไรน่ะ
“Koilittlefinger” : ไม่ได้ทำอะไร มีอะไรป่าว
“WhatApp” : พรุ่งนี้ก้อยว่างมั้ย ไปดูหนังกัน
“Koilittlefinger” : เรื่องอะไรอ่ะ
“WhatApp” : ตุ๊กแกรักแป้งมาก น่าดูมั้ย
“Koilittlefinger” : ชื่อแปลก ๆ เนาะ...แต่ก็น่าสน
“WhatApp” : ตกลงไปมั้ย
“Koilittlefinger” : OK ที่ไหน
“WhatApp” : พารากอนละกัน รอบห้าโมงเย็น เดี๋ยวเราไปรอตั้งแต่สี่โมงเลย
“Koilittlefinger” : อืม
ผู้ชายคนที่ทัก line มาเป็นคนเดียวกับที่ให้ของขวัญฉัน คนที่ชวนฉันไปกินข้าว และคนที่อยู่คอนเสิร์ตวันปัจฉิมนั่นแหละส่วนเขาชื่ออะไรนั้น ฉันบอกไม่ได้ เพราะฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน (ฮ่าๆ)
เอาเป็นว่าเขาเข้ามาจีบฉัน และตอนนี้เราก็อยู่ในสถานะ “ดู ๆ กันอยู่” ฉันตกอยู่ในสภาพนี้ เพราะฉันถูกตั้งคำถามว่า ยังไงผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิง ฉันตอบคำถามข้อนี้ไม่ได้ ฉันจึงตกลงคบกับเขาอย่างเสียไม่ได้ ไม่ใช่เพราะเขาไม่ดีนะ เพียงแต่ฉันยังตัดใจจากคนบางคนไม่ได้จริง ๆ
ถ้ามันเป็นความคิดถึง ฉันเองก็คงคิดถึง ถ้ามันเป็นความลึกซึ้ง ก็ลึกสุด ๆ หัวใจ RRRRR
ทำไมชีวิตนี้มีแต่การถูกขัดจังหวะจังนะ ฉันมองเบอร์บนหน้าจอ แล้วกดรับ
“ฮัลโหล แอล”
(ก้อย แกรู้มั้ย ว่าดาวมันเฮิร์ทมากเลยนะที่รู้ว่าแกมีแฟนแล้ว”
“ใคร แฟนฉัน”
(แกอย่ามาแอ็บหน่อยเลย ก็คนที่แกไปด้วยในงานคอนเสิร์ตวันปัจฉิมไง)
“อือ แล้วไงล่ะ” ฉันตอบน้ำเสียงเนือย ๆ
(นี่แกไม่แคร์ดาวเลยใช่มั้ยเนี่ย)
“ไปถามเขาก่อนว่าเขาแคร์ฉันแค่ไหน ช่างมันเหอะ ถ้าแกจะพูดเรื่องนี้ ฉันวาง”
(เฮ้ย! ก้อย ๆ เดี๋ยวก่อน แกใจร้ายว่ะ ดาวมันเสียใจนะเว่ยกับเรื่องที่เกิดขึ้น)
“ถ้าเขาเสียใจจริง ๆ คงไม่ใช่แกที่เป็นคนโทรหาฉัน”
ตู๊ดๆๆๆ
ฉันชักจะโมโห กดสายทิ้งซะเลย ถ้าแกแคร์ฉันจริง ๆ เราควรจะได้พูดกันตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องแล้วไม่ใช่เหรอ แต่นี่ปล่อยให้เวลาผ่านไปตั้งนาน ฉันก็มีหัวใจนะเว้ย!
จู่ ๆ สายตาฉันก็ไปสะดุดกับข้อความบนหน้าวอลฯ ที่ดาวไปโพสให้แอล “พรุ่งนี้เจอกัน”
เอ๊ะ! สองคนนี้จะไปไหนกันนะ แต่ก่อนฉันต้องหนึ่งในนั้นนี่นา แต่ตอนนี้......
ว่าแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ .....ความรักของเรามันไม่น่าเกิดขึ้นตั้งแต่แรกเลยจริง ๆ.....
แกเองก็ไม่น่าจะมาให้ความหวังฉัน มาบอกว่าอยากกอดทำไมทั้ง ๆ ที่เรียนอยู่ มาหอมแก้มตอนถ่ายรูปทำแป๊ะอะไร มาทำท่าดีอกดีใจที่ฉันให้ภาพถ่ายและเขียนกำกับว่า Girlfriend มองลองกระจกห้องปกครองมาทำไม มองมาให้ฉันเจ็บเปล่า ๆ แล้วยังมาทำหน้าเศร้าวันที่ฉันได้ของขวัญจากคนอื่น แถมมาง้อกันด้วยการยื่นดาวให้แล้วเงียบเป็นเป่าสาก แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง ให้ยิ้มหน้าระรื่น บอกว่า โอเคงั้นเหรอ? ง่ายไปปะ?
ฉันงับหน้าจอโน้ตบุ๊คลง ทิ้งตัวบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า
“แกยังรักฉันอยู่ไหม ดาว”
วันต่อมา
วันนี้ฉันแต่งตัวสบาย ๆ เสื้อยืด กางเกงยีนส์ ทั้ง ๆ ที่จะไปออกเดท?
จนคุณพ่อสุดที่รักทักซะ
“เอ๊ะ! วันนี้ลูกสาวพ่อจะไปดูหนังหรือจะไปซื้อกับข้าวที่หน้าปากซอยเนี่ย” พ่อยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“พ่ออ่ะ หนูแต่งตัวซกมกขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ลูกสาวทำหน้าตูม
“เปล่าหรอก เป็นตัวของตัวเองแบบนี้แหละดีแล้ว และก็ขอให้เราตัดสินใจอะไรด้วยตัวเราเองด้วยนะ”
“พ่อพูดแบบนี้หมายความว่าไงคะ” ฉันขมวดคิ้ว
“ก็หมายความแบบที่พูดนั่นแหละ สิ่งที่หนูทำอยู่มันดีกับหัวใจรึยัง ถ้าดีก็ทำต่อไป ถ้าไม่ดีก็ปล่อยมัน ก่อนที่มันจะสายเกินไป”
ฉันนิ่งงันกับคำพูดของพ่อไปชั่วขณะ แค่จะไปดูหนัง...มันเกี่ยวอะไรกับหัวใจด้วยล่ะ
ขอเป็นจอมดีเลย์สักพัก....เดี๋ยวเข้าใจ...เดี๋ยวจะ อ๋อ! ขึ้นมาเลย....ตอนนี้....ตุ๊กแกรักแป้งมาก
รออยู่
ณ พารากอน
ฉันเดินเข้ามาบริเวณหน้าโรงหนัง หันซ้ายแลขวารอคนที่ชวนมา พลันมือก็ยกดูนาฬิกา
“16.15 น.”
ไหนว่าจะมาตั้งแต่สี่โมงไง หรือว่าถ้ามันยังอยู่ในสิบหกนาฬิกาคือสี่โมงใช่ปะ....มันน่าจะเป็นฉันมั้ยที่เลท ถึงฉันจะไม่เคยคบผู้ชาย แต่ก็รู้นิสัยผู้หญิงดีนะ ว่าเขาจะรู้สึกยังไงที่อีกฝ่ายเลท แม้จะแค่ห้านาที สิบนาทีก็เถอะ
ฉันเดินเล่นไปเรื่อยเปื่อย ซื้อป็อปคอร์นรสหวานของโปรด ที่ฉันกับแกชอบกิน....
“ดาว”
ฉันชะงักกับชื่อที่ผุดอยู่ในหัว ทั้ง ๆ ที่ยังมีป็อปคอร์นอยู่เต็มปาก จะไม่ให้สะดุดได้ยังไง เมื่อคนตรงหน้าคือใครสักคนที่ฉันคุ้นเคย
“ดาว”
ดาวจริงๆ ด้วย...ไหนว่าจะไปไหนกับแอลไง ทำไมมาอยู่นี่ได้ หรือพากันมาดูหนัง ไม่เห็นแอลชวนฉันซักคำ แบบนี้ต้องเดินไปทักซะหน่อย แต่จะให้ทักคนที่อยากทักตอนนี้คงไม่เหมาะ เดี๋ยวเสียฟอร์ม ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ใจฉันเต้นแรงผิดปกติ หรือเราจะห่างกันนานเกินไป พอมาเจออีกที ก็เหมือนค้นพบสิ่งที่ตามหามานานอะไรประมาณนั้น
เอ๊ะ! สองคนนี้เล่นพิเรนทร์อะไรกัน เอาใบปลิวมาปิดหน้า หรือจะแอบใครอยู่รึเปล่าเนี่ย....
“อ้าว แอล แกก็มาดูหนังเหมือนกันเหรอ”
คนข้าง ๆ คนถูกทักรู้สึกจะสะดุ้งก่อน ดาวเลื่อนใบปลิวลงมาก่อนที่เราจะมองหน้ากันนิ่ง ตอนนี้แอลหมดความสำคัญไปโดยปริยาย ฉันสบตาดาว ฉันอยากรู้ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในแววตาของแกจัง ว่าตอนนี้แกคิดอะไรอยู่ คิดถึงฉันไหม รู้สึกยังไงที่ฉันมีคนอื่น หรือสุดท้ายฉันคิดไปเองคนเดียว เหมือนที่แกบอกว่า “ก็ก้อยมาชอบฉันเอง ให้ทำไงวะ”
ประโยคนี้ยังก้องอยู่ในใจฉันเสมอ ทุกครั้งที่ฉันคิดถึงหน้าแก ฉันน้อยใจตลอดที่แกให้ความสำคัญกับฉันน้อยเกินกว่าที่ควรจะเป็น แกแคร์แต่ตัวเอง แกเห็นแก่ตัวมากเลยรู้มั้ย
ฉันทำได้แค่พูดในใจ ตอนนี้ดวงตาฉันสั่นระริกเหมือนจะร้องไห้ ดาวก็ยังมองหน้าฉันนิ่งเหมือนเดิม ฉันจะไม่ยอมแพ้แกเหมือนในห้องดนตรีแน่ ๆ ตอนนั้นฉันเขิน และฉันก็เริ่มรู้ใจตัวเองว่าฉันชอบแก แต่ครั้งนี้ฉันจะไม่ยอมหลบสายตาแก ฉันจะสู้เพื่อให้แกรู้ว่าถึงไม่มีแก...ฉันก็อยู่ได้
ฉันเห็นมือข้างหนึ่งโบกอยู่ตรงหน้า คงเป็นมือของคนที่มากับดาวนั่นแหละ แต่ฉันก็ยังไม่ยอมลดละ จนดาวเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนี และเดินออกไป จังหวะนั้นฉันอยากจะดึงแขนแกไว้ แล้วกอดแก แล้วบอกว่า “ฉันคิดถึงแก” ฉันชนะในเกมจ้องตา แต่ฉันแพ้ความรู้สึกตัวเอง แต่ฉันก็ทำได้แค่คิดในใจ เมื่อมีเสียงของผู้ชายคนที่ชวนฉันมาเรียกไว้ซะก่อน
“ก้อย ขอโทษนะที่มาช้า พอดีรถติด”
ขอบคุณนะสำหรับคำแก้ตัว ถ้างั้นไม่ออกมาตั้งแต่บ่ายเลยล่ะ >_<
ฉันเป็นคนคิดในใจเก่ง ฉันเลยได้แค่คิด แต่ต่อหน้าฉันก็ยิ้มให้ผู้ชายคนนี้อย่างเป็นมิตรเหมือนเดิม ฉันจะเรียกเขาว่าอะไรดีล่ะ เรียกว่าผู้ชายละกัน เพราะฉันไม่กล้าเรียกชื่อเขา เดี๋ยวผิด (ฮ่าๆ)
ฉันเดินไปกับผู้ชาย แต่ก็ไม่วายหันไปมองคน ๆ นั้น จนลับตา ดาวนะดาว ถ้าปิดเทอมเราไม่ได้เจอกันเลย ฉันอาจจะเปิดใจไปให้ผู้ชายก็ได้ ไม่ต้องมาใจเต้นตุบตับเวลาเห็นหน้าแกแบบนี้ ชีวิตฉันเนี่ยมันเป็นยังไงกันนะ อยากรักคนที่เรารัก แต่ก็ดันมีคนที่รักเราเข้ามาอีก สรุป...วิริยา...สวยค่ะ...
ไม่มีคำอธิบายมากกว่านั้น ^___^
“หมับ!” มือของผู้ชายจับมาที่มือนุ่ม ๆ ของฉัน ฉันรู้สึกแปลก ๆ ยังไงชอบกล หรือว่าฉันอยู่แต่กับผู้หญิง เสมือนว่านาดาวเป็นโรงเรียนหญิงล้วน พออยู่กับผู้ชายมันเป็นแบบนี้เหรอ
“มันทรมานรู้มั้ยหัวใจของเพศตรงข้าม มันจินตนาการไปไกลเมื่อเธอเข้าใกล้กับฉัน.....มันคงง่ายกว่านี้ถ้าเราเป็นเพศเดียวกัน”
เอิ่ม อยู่ดี ๆ เพลงพี่แสตมป์ก็เข้ามาในหัว ฉันไม่คุ้นกับเพศตรงข้ามจริง ๆ แต่ก็ช่างเหอะ เราคุยกันอยู่ เราศึกษากันอยู่ไม่ใช่เหรอ บางทีคบ ๆ ไป อาจจะดีกว่าผู้หญิงก็ได้
ฉันเข้าไปนั่งในโรงหนังที่ผู้ชายเป็นคนซื้อตั๋วให้ อีกอย่างในฐานะที่เราเป็นผู้หญิง เราถูกเทคแคร์ดูแล มันก็ดีอยู่หรอก แต่สำหรับฉันถูกเลี้ยงดูมาให้เป็นคนที่รู้จักปกป้องคนอื่นนี่สิ ฉันก็เลยอยากเป็นคนดูแลคนอื่นมากกว่าที่คนอื่นจะมาดูแลฉัน....ใช่มั้ย? “ดาว”
เออ....แล้วฉันจะไปคิดถึงชื่อคน ๆ นั้นทำไม เขาทำให้เธอเจ็บนะก้อย....จำๆๆๆๆ ใส่หัวสมองบ้างสิ ฉันส่ายหัวไปมาสะบัดความคิด
“เป็นอะไรรึเปล่าก้อย” ผู้ชายถามฉันอย่างงง ๆ
“อ๋อ เปล่า พอดีมีอะไรก็ไม่รู้เกาะผมเราอ่ะ เราก็เลยจะสะบัดมันออก” ฉันพูดไปแก้เก้อ
“เดี๋ยวเราหยิบออกให้มั้ย” ผู้ชายกำลังจะเอื้อมมือมาที่ผมของฉัน ฉันปัดมือออกทันควัน
“เอ่อ...ไม่เป็นไร ขอบใจนะ สงสัยเราคิดไปเอง แหะๆ” ฉันหัวเราะกลบเกลื่อน
“สิ่งที่หนูทำอยู่มันดีกับหัวใจรึยัง ถ้าดีก็ทำต่อไป ถ้าไม่ดีก็ปล่อยมัน ก่อนที่มันจะสายเกินไป”
อยู่ดี ๆ คำพูดของพ่อก็ลอยมาในความคิด ฉันรู้สึกยังไงกับผู้ชายคนนี้กันแน่นะ หรือมันเป็นแค่ช่วงเวลาที่ฉันเสียใจ ฉันเลยต้องหาใครสักคนมาแทนที่หรือเปล่า หรือฉันจะชอบผู้ชายคนนี้ แต่บอกก่อนว่า...แค่ชอบ...ยังไม่ถึงกับรัก....เพราะคำว่ารัก...ฉันใช้ได้ทีละคน และฉันก็ใช้กับคน ๆ นั้นไปแล้ว นั่นก็คือแก....
ฉันมองไปยังจอหนังที่ตัวละครกำลังโลดแล่นอยู่ คู่รักวัยรุ่นเป็นสิ่งที่สังคมในปัจจุบันพบเห็นกันเกลื่อนกลาด แต่จะมีสักกี่คู่ที่สมหวัง ฉันดูไปคิดไป แล้วจู่ ๆ ก็ชะงัก หันไปยังผู้ชายคนข้าง ๆ
“หมับ!”
เฮ้ย! เมื่อกี้จูงมือ ตอนนี้กุมมือ เอ้อ...ให้เกียรติฉันบ้างก็ดีนะ... แต่ฉันก็ไม่สะบัดออกหรอก ดูท่าทีก่อน ฉันหันไปยังที่นั่งฝั่งตรงข้าม
เฮ้ย! คุ้น ๆ นั่นมันดาวกับแอลนี่นา มาตั้งแต่ตอนไหน มาดูโรงเดียวกันด้วย แล้วนั่นดาวจะไปไหน???
เฮ้ย! เฮ้ย! ลุกไปแล้ว....
“เดี๋ยวเราไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ฉันคลายมือออกจากการเกาะกุม ก่อนจะเดินลัดเลาะที่นั่งไปยังประตูทางออกทางเดียวกันกับดาว
รอฉันด้วยสิดาว แกจะไปไหนของแกเนี่ย
“ขอให้เราตัดสินใจอะไรด้วยตัวเราเองด้วยนะ” คำพูดของพ่อกระเด้งขึ้นมาเหมือนกำลังเล่นไลน์กันอยู่
“ขอบคุณนะคะพ่อสำหรับคำพูดเตือนสติหนู ขอโทษที่หนูเข้าใจช้าไปหน่อย เดี๋ยวกลับไปจะหอมแก้วฟอดใหญ่ๆ เลยนะคะ” ฉันพิมพ์ข้อความใน line บอกคุณพ่อสุดที่รัก ก่อนจะรีบสาวเท้าไปอย่างรวดเร็ว
“อะไรวะ ขาสั้น ๆ ทำไมเดินเร็วจัง” ฉันพูดกับตัวเอง ก่อนจะเห็นหลังของเป้าหมายเปิดประตูขึ้นรถแท็กซี่ไปแล้ว
“พี่คะ ตามคันนั้นไปเลยค่ะ” ฉันชี้จุดหมายให้รถแท็กซี่ที่ฉันกำลังขึ้นอีกคัน
“ตามเพื่อนไม่ทันเหรอครับ เดี๋ยวผมโทรให้เขาจอดก่อนได้นะ พอดีคนขับเป็นเพื่อนผม” โชเฟอร์ก็ช่างใจดี แต่ผิดจุดประสงค์ของฉัน
“ไม่เป็นไรค่ะ พอดีหนูกับเขาทะเลาะกันอยู่ค่ะ”
“อ๋อ คุณเป็นเพื่อนกันเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ”
“คบกันมานานแล้วเหรอครับถึงสนิทกันขนาดนี้”
“นานแล้วค่ะ”
“แล้วเข้าใจผิดกันเรื่องอะไรครับ”
เอ๊ะ! พูดมากจัง แค่ให้ขับตามไปนะ ไม่ได้ให้มาซัก ฉันเลยสวนไปแบบนิ่ม ๆ
“เขาเป็นแฟนหนูค่ะ และหนูก็แคร์เขามากด้วย รีบไปเลยค่ะพี่ ถ้าตามไม่ทัน หนูไม่จ่ายตังค์นะคะ”
เมื่อวิริยางัดไม้เด็ด โชเฟอร์ก็เลิกซักไซ้ไล่ความ ขับเร็ว แร๊งงงงง จนจะชนตูดรถคันนั้นคันนี้อยู่แล้ว นี่ตูจะไปง้อแฟน หรือจะไปแข่งรถวิบากกันเนี่ย >_>>
ระหว่างที่นั่งรถผจญภัยอยู่นั้น ฉันก็ไม่ลืมที่จะบอกผู้ชายของฉัน
“เราขอโทษนะที่กลับมาก่อน เรารู้ใจตัวเองแล้วว่าเรารู้สึกยังไง เราคงคบกับเธอไม่ได้
ขอบคุณนะที่เธอหวังดีอยากให้เราคบผู้ชาย เรารู้ว่าธรรมชาติสร้างให้ผู้หญิงกับผู้ชายคู่กัน แต่เราก็ขอเลือกเป็นผู้หญิงที่รักคนที่เรารู้สึกว่า “รัก” หวังว่าเธอจะเจอคนที่ดีกว่าเรา ขอบคุณนะสำหรับความรู้สึกดี ๆ (ก้อย)
ข้อความถูกส่งไปยังไลน์ของอีกฝ่าย ฉันยิ้มอย่างสบายใจ บางทีคำว่าเพศ ก็เป็นกำแพงกั้นความรักของคนหลายคู่ แต่สำหรับฉันแล้วถึงกำแพงมันจะสูงแค่ไหนก็เถอะ ฉันขอกระโดดข้ามไปก่อนละกัน ถ้ากระโดดไม่ถึง ก็จะทุบมันซะเลย ขอให้ได้ทำตามหัวใจตัวเองก่อน เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง
เอี๊ยด! เสียงล้อเบรก ตัวฉันก็พุ่งไปตามแรงเบรก จนหัวจะชนกับเบาะข้างหน้าอยู่แล้ว ฉันรีบเปิดประตู เปิดกระเป๋าตังค์ส่งเงินให้โชเฟอร์อย่างรีบ ๆ
“ขอให้ง้อแฟนสำเร็จนะครับ”
แหนะ ยังไม่เลิกอีก.....
“ขอบคุณค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ”
ฉันยิ้มให้ ก่อนจะโบกมือ และมองรถขับไปจนลับตา ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก ฉันเป็นห่วง!
ฉันรีบเดินเข้าไปยังจุดมุ่งหมาย นั่นก็คือบ้านของดาวนั่นเอง ฉันเคยมาที่นี่หลายครั้ง แต่ครั้งนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ แม่ดาวจะไม่ไล่ฉันออกจากบ้านเหรอ
“สวัสดีค่ะ คุณแม่” ฉันไหว้แม่ดาวกล้า ๆ กลัว ๆ
“สวัสดีจ้ะ ไม่ได้ไปด้วยกันเหรอ เห็นดาวกลับมาแล้วไม่พูดไม่จา หรือว่าทะเลาะกันอีก”
“เอ่อ.....หนูขอขึ้นไปหาดาวนะคะ”
“เชิญจ้ะ” แม่ดาวยิ้มให้ ทำให้ฉันใจชื้นขึ้นมา หรือแม่ดาวจะรับได้แล้ว เฮ้ย! ช่างเถอะ ตอนนี้ขอขึ้นไปดูใจคนข้างบนก่อน
ฉันทำท่าเก้ ๆ กัง ๆ จะเคาะก็ไม่เคาะ สองจิตสองใจอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจ
ก็อกๆ!
“สวบ”
ทันทีที่ประตูเปิดออก ดาวก็สวมกอดฉันทันที แถมร้องไห้สะอึกสะอื้น จนฉันหน้าเหวอ แทบจะทำตัวไม่ถูก แล้วได้ยินประโยคตามมาว่า
“แม่ ดาวรักก้อย ดาวไม่อยากเสียเขาไป”
อึก! ซึ้ง ....ว่าแต่ ฉันเป็นแม่แกตั้งแต่เมื่อไหร่วะดาว
“ก้อย!!” คนอยู่ต่อหน้าฉันขมวดคิ้วดูตกใจมาก
ฉันพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ดึงดาวเข้ามากอด และลูบผมผู้หญิงที่ฉันรัก พยุงดาวไปนั่งที่ปลายเตียงที่เดิม ที่เราเคยปรับทุกข์กัน วันนั้นฉันปลอบดาวที่เสียใจเพราะผู้ชายคนหนึ่ง แล้ววันนี้ฉันก็เป็นคนปลอบใจในวันที่ดาวเสียใจเพราะฉัน
“แกมีฉันอยู่ข้าง ๆ นะ”
คำพูดของฉันเอง ฉันยังจำได้ดี ฉันจะไม่มีวันทิ้งแกไปไหนอีกแน่ ๆ ตราบใดที่ฉันยังอยู่
“ก้อย แกมาได้ยังไง แล้วผู้ชายคนนั้น....”
ว่าแล้วว่าจะเจอคำถามนี้
ฉันตัดสินใจเอาปลายมือปิดปากดาวเบา ๆ ก่อนจะหยิบรูปดาวที่ฉันบรรจงพับ และวาดรูปนิ้วก้อยอีกหนึ่งดวงซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับที่ดาวให้ฉัน จับมาคู่กัน
“ฉันคืนดีกับแกแล้วนะ”
แค่คำพูดแค่นี้....ยัยขี้แยก็ร้องไห้ออกมาอีกแล้ว
ยัยบ้า....เอ้ย! แกนี่มันช่างน่าดูแลจริง ๆ นะ
“แกรู้มั้ย? ว่าฉันสับสนแค่ไหน กว่าที่ฉันจะบอกได้ว่าฉันคิดยังไงกับแก ทั้งๆ ที่เราเป็นเพื่อนสนิทกัน มันเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำที่เราจะคบกันมากกว่านั้น แต่ความรู้สึกที่มันก่อตัวขึ้นมา ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นเพราะความหวั่นไหวหรือยังไง แต่ที่แน่ๆ ฉัน.....รักแก...มาก... ฉันทำได้แค่น้อยใจ เสียใจกับตัวเอง แต่ฉันไม่เคยโกรธแกเลยนะ จริงๆ”
ฉันพรั่งพรูความในใจออกมา เป็นสิ่งที่ฉันอยากบอกแกมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาส
“แล้วผู้ชายคนนั้น” ดาวถามคำถามนี้อีกครั้ง
“เขาเข้ามาจีบฉัน และบอกว่าเขาจะทำให้ฉันกลับไปเป็นผู้หญิงที่ชอบผู้ชายเหมือนเดิม ฉันก็เลยลองคุยกันดู และวันนี้ฉันก็รู้แล้ว....ว่าคนที่ฉันแคร์มากที่สุด...ก็คือแก”
ใช่ ฉันแคร์แกมากจริง ๆ ไม่อย่างนั้นฉันไม่ยอมทิ้งผู้ชายมาเพื่อแกหรอก
“ก้อย” ดาวเรียกชื่อฉันทั้งน้ำตา
ต่อไปนี้ฉันจะไม่ทำให้แกร้องไห้เพราะฉันอีกแล้ว
“ฉันจะไม่ไปไหนอีกแล้ว ฉันสัญญา” คำพูดสุดท้ายของฉัน
ฉันบรรจงจูบดาวอย่างนุ่มนวล ก่อนที่จะเพิ่มน้ำหนักลงที่ริมฝีปากมากกว่าครั้งแรกที่เคยสัมผัสกัน ฉันอยากอยู่กับแกแบบนี้นาน ๆ นะดาว แต่แกก็ดันถอนจูบออกซะก่อน
“ฉันรักแกนะก้อย”
จะมาซึ้งอะไรตอนนี้เนี่ย
“ฉันรู้”
เราสบตากันนิ่ง ฉันเลื่อนหน้าเข้าไปจูบดาวอีกครั้ง อารมณ์เร่าร้อนขึ้นมากกว่าเดิม
“ก้อย....ฉันรักแกนะ”
พอเวลาควรพูดไม่พูด พอไม่ให้พูดเนี่ยพูดบ่อยจัง
“เออ ฉันรู้แล้ว”
ริมฝีปากประกบกันเป็นครั้งที่สาม ครั้งนี้ฉันไม่ปล่อยให้แกปริปากแน่ ๆ ฉันกดจูบเข้าไปเต็มแรง ก่อนจะดันตัวคนที่เล็กกว่าราบลงไปบนที่นอน ประทับริมฝีปากลงไปที่ซอกคอขาว ๆ แล้วเลื่อนหน้ามาใกล้ ๆ พูดเสียงแผ่วเบา
“ฉันขอนะ”
>//////////<
ขอบคุณนะที่มาอยู่ด้วยกัน .....ขอบคุณนะที่รักกัน
“เพราะความรัก....ไม่เกี่ยวกับเพศ จะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง แต่ถ้าไม่ใช่แก ฉันก็คงไม่รัก” By ก้อย
HAPPY TIME...................
ผลงานอื่นๆ ของ hi-speed ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ hi-speed
ความคิดเห็น